โรงละครคือจุดแสดงมหรสพที่มีมานานแล้วไม่ว่าจะเป็นสังคมไทย หรือ สังคมต่างชาติ เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ก้าวไกลการได้ไปโรงละครเพื่อดูมหรสพเป็นความบันเทิงเดียวที่หาได้ในยุคนั้น ปัจจุบันโรงละครมีการพัฒนาตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของคนดูที่มากขึ้น ไปดูกันว่าโรงละครมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
โรงละครแบบเปิด
โรงละครประเภทแรก คือ โรงละครแบบเปิด โรงละครแบบนี้มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลักษณะจะเป็นเวทีตรงกลาง จากนั้นก็จะมีที่นั่งของผู้ชมล้อมรอบ ไล่ระดับเป็นชั้นสูงขึ้นไป โรงละครแบบนี้จะใช้จุดเด่นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมาเกื้อหนุนให้ละครที่แสดงนั้นสนุกสนาน ให้อารมณ์ร่วมยิ่งขึ้น ไม่ร้อน อีกทั้งยังประหยัดงบประมาณในการสร้างหลังอีกด้วย แต่ข้อเสียของโรงละครแบบเปิดนี้จะไม่สามารถเปิดทำการแสดงได้ในวันที่ฝนตก อีกทั้งการเซต แสง สี เสียง อาจจะต้องใช้เวลานาน เนื่องจากไม่สามารถตั้งอุปกรณ์ไว้ตลอดเวลาได้ เมื่อก่อนโรงละครแบบนี้นิยมมากแต่หลังจากมีการติดตั้งระบบเครื่องปรับอากาศได้ โรงละครแบบนี้ก็ถูกลดความสำคัญลงไป
โรงละครแบบปิด
โรงละครแบบปิด เป็นโรงละครที่มาแรงอย่างมากในยุคสมัยนี้ โรงละครแบบนี้จะจัดทำให้ขึ้นห้องโถงใหญ่ มีเวทีอยู่ด้านหน้าชิดกับผนัง จากนั้นคนดูจะนั่งล้อมรอบทั้งสามด้าน คนดูจะมีทั้งนั่งแนวเดียวกับเวทีแล้วไล่ระดับให้สูงขึ้นไป 3-4 ชั้น เพื่อให้มองเห็นเวทีได้ชัดมากขึ้น รองรับคนดูได้มากขึ้นด้วย โรงละครแบบปิดนี้ ข้อดีคือสามารถทำการแสดงได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในวันฝนตกหรือสภาพอากาศปกติสามารถทำการแสดงได้หมด นอกจากนั้นโรงละครแบบปิดจะทำให้สร้างสรรค์งานได้มากกว่า งานเอฟเฟกต์ แสง สี เสียง ไฟ ควบคุมได้ดีกว่าโรงละครแบบเปิด แต่โรงละครแบบนี้อาจจะต้องเสียค่าดูแลมากกว่าโรงละครแบบเปิดหลายเท่าตัว
โรงละครเคลื่อนที่
อีกหนึ่งรูปแบบของโรงละครเราอาจจะไม่เห็นมากนัก คือ โรงละครเคลื่อนที่ ลักษณะก็คือ เค้าจะมีอุปกรณ์ไปตั้งเวทีเพื่อเล่นละครกลางแจ้งด้วย เวทีอาจจะไม่ใหญ่มากเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด 8*10 เมตร ข้อดีก็คือเก็บง่าย ไปมาสะดวก แต่ข้อเสียก็คือมันไม่สามารถเล่นอะไรได้มากนัก เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ โรงละครแบบนี้เดี๋ยวนี้หายากในบ้านเรา
แต่ไม่ว่าจะเป็นโรงละครแบบไหนก็ตาม เรื่องสำคัญเป็นการอุดหนุนงานศิลปะการแสดงให้คงอยู่ต่อไป หากมีโอกาสเราขอแนะนำให้ไปลองเสพงานแสดงละครเวทีในโรงละครสักครั้งหนึ่ง จะเป็นละครเวทีระดับมหาวิทยาลัย หรือ ละครเวทีระดับมืออาชีพก็ได้ มันได้อรรถรสที่แตกต่างจากละครในทีวีเยอะเลย